ขอบคุณทุกม่านมี่มาเยี่ยมชม

วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

Active and Passive Voice

Active/Passive Voices

 
Voice    หมายถึงวิธีพูด     Active Voice  หมายถึงรูปกริยาซึ่งประธานเป็นผู้กระทำหรือแสดงกริยานั้นโดยตรง   เช่น

The dog bit the boy.  สุนัขกัดเด็กชาย(สุนัขเป็นประธานผู้กระทำโดยตรง และเด็กชายเป็นกรรม)
Dara will present her research at the conference.
Susan is cooking dinner.
They are going to build  a new house  soon.
Passive Voice  หมายถึงรูปกริยาซึ่งประธานเป็นผู้ถูกกระทำกริยานั้นโดยผู้อื่น  
หลักการใช้  Passive Voice มีดังนี้
  • ให้ความสำคัญกับกรรม  ( object ) ของประโยคหรือสิ่งที่ถูกกระทำมากกว่าประธาน   หรือไม่สนใจว่าใครทำแต่สนใจผลที่เกิดขึ้น เช่น
    Your bicycle has been damaged.  รถจักรยานของคุณถูกทำเสียหาย
    ( ประโยคนี้ไม่สนใจว่าใครเป็นคนทำ  สนใจแต่เพียงว่ามีการเสียหายเกิดขึ้น  เช่นเดียวกับประโยคต่อไป)
    Rules are made to be broken. ( by ? )
    Police are being notified ( by? ) that three prisoners have escaped.
    Everything will have been done by Tuesday.
  • ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงผู้กระทำ เนื่องจากรู้กันอยู่แล้ว
    The thieves were all arrested .  ( เป็นทั่รู้กันอยู่ว่าผู้จับน่าจะเป็นตำรวจ )
    English is spoken here.  ( ผู้ที่พูดคือคนโดยทั่วไป )
  • เมื่อไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ
    Printing was invented in China. ( ผู้คิดค้นเป็นใครไม่ทราบ )
การทำ Active Voice  ให้เป็น Passive Voice
I.  ประโยคที่มีกรรมตัวเดียว ( Direct Object )
  • เอากรรมของประโยคขึ้นมาเป็นประธาน
  • ใช้ verb to be ให้ถูกต้องตามประธาน
  • กริยาแท้ในประโยคให้เปลี่ยนเป็นช่อง 3  ( past participle )
  • เอาประธานของประโยค Active  ไปเป็นกรรมหลัง by
เช่น
The boy was bitten by  the dog. ( เอากรรมคือเด็กชายขึ้นมาเป็นประธาน )
Research will be  presented by Dara at the conference.
Dinner is being cooked by Susan.
A new house is going to be  built . ( by them )
หมายเหตุ      ผู้กระทำในประโยค  Passive  ที่เป็น phrase  " by the......"  อาจจะละไว้ก็ได้
สรุปการใช้ประโยค Passive Voice ของ  Tenses ต่างๆ
Tensesประธาน
กริยาช่วย
Past
Participle
เอกพจน์พหูพจน์
PresentThe car/carsisaredesigned.
Present perfectThe car/carshas beenhave beendesigned.
PastThe car/carswasweredesigned.
Past perfectThe car/carshad beenhad beendesigned.
FutureThe car/carswill bewill bedesigned.
Future perfectThe car/carswill have beenwill have beendesigned.
Present progressiveThe car/carsis beingare beingdesigned.
Past progressiveThe car/carswas beingwere beingdesigned.
IIประโยคที่มีกรรมตรง และกรรมรอง ( Direct  & indirect object)
เมื่อประโยค Active มีกรรม 2 ตัวคืือ
กรรมตรง ( Direct Object )  =  สิ่งของ
กรรมรอง ( Indirect object )    =  บุคคล
เมื่อจะเปลี่ยนเป็น Passive  นิยมเอากรรมรอง คือบุคคลขึ้นเป็นประธาน  ถ้าจะเอากรรมตรงเป็นประธานก็ได้ แต่ต้องใส่บุพบท to ข้างหน้ากรรมรองที่เหลืออยู่ด้วย เช่น

Active:The teacher gave me a book.
Passive: I was given a book by the teacher. ( กรรมรองเป็นประธาน )
Passive : A book was given to me by the teacher.  ( กรรมตรงเป็นประธาน )

Active: My father gave ten dollars to my sister.
Passive : My sister was given ten dollars by my father. ( กรรมรองเป็นประธาน )
Passive : Ten dollars were given to my sister by my father. ( กรรมตรงเป็นประธาน )

Active: The guide will show you the museum.
Passive: You will be shown the museum by the guide. ( กรรมรองเป็นประธาน )
Passive: The museum will be shown to you by the guide. ( กรรมตรงเป็นประธาน )

ตัวอย่างกริยาที่มีกรรมได้ 2 ตัวได้แก่
giveanswershowtell
sendbuycallteach
asksellwritelend
III  คำกริยาที่ไม่สามารถทำให้เป็นประโยค Passive ได้คือ
กริยาที่ไม่สมบูรณ์ด้วยตัวเองซึ่งเราเรียกว่า Linking verbs ( Copular Verbs)  เป็นคำกริยาที่ ต้องมีส่วนสมบูรณ์ ( complement ) เข้ามาช่วยจึงจะได้ความหมายสมบูรณ์โดยไม่ต้องมีกรรม   คำเหล่านี้ได้แก่
bekeepsoundgetprove
seemstaysmellgoturn
appearlooktastecometurn out
remainfeelbecomegrowend up, wind up
เช่น
Active voice : He became a successful business man.
จะเปลี่ียนเป็น  A  successful business man was become by  him. ไม่ได้
ตัวอย่างของประโยคที่คำกริยาเป็น linking verb  เช่น
You look lovely.
My hand feel cold.
That sounds good to me.
It smells funny in this room.
IV   ใช้ get แทน  be ในประโยค Passive  ( ในการใช้อย่างไม่เป็นทางการ )
คำกริยาต่อไปนี้ อาจใช้กับ get แทน verb to be
tiredressupsetinvitepaydomarry,divorce
hurtaccustomconfuseborehiredisguststuck
loseworrydrinkpackfireengagehit

He was lost  = He got  lost.
She wasn't invited  = She didn't get invited.
They were married last year. = They got married last year.
I didn't stay for the end of the movie because I got bored.
There was an accident, but luckily nobody got hurt.
การใช้ประโยคโดยทั่วไปจะใช้เป็น   Active  Voice   และหลีกเลี่ยงการใช้  Passive เท่าที่จะทำได้    แต่หากจะมีการใช้ Passive Voice ก็มักจะใช้ในการเขียนเอกสารที่เป็นทางการ ข่าว และรายงาน ทางวิทยาศาสตร์.
เช่น ในข่าวในหนังสือพิมพ์
The woman was killed at. . . .
The boy was struck by. . . ."
President Kennedy was killed.   (  ไม่ใช้ Oswald killed President Kennedy.)
It was reported that. . . .
It was recommended that. . . ..
It is reported that......
This letter will confirm. . . .     ( ไมใช่ I write this letter to confirm. . . . )
He was jailed for three months.
ในรายงานการศึกษาวิจัย ซึ่งผู้อ่านจะสนใจผลมากกว่าสนใจผู้กระทำ
It can be seen that.......
Heart disease is considered the leading cause of death in the United States
The interviews were conducted in groups.
The sample was weighed to find its dry weight .

Modal Auxiliaries

Modal Auxiliaries

  modals หรือ modal auxiliaries คือกลมกริยาช่วยที่ใช้บอกกริยาแท้ของประโยค โดยที่กริยาแท้จะเป็นกริยาช่อง1
               รูปธรรมดา                รูปปฏิเสธ                            รูปย่อปฏิเสธ
                can                        cannot                             can' t
                could                     could not                         cudn' t
                may                       may not                           mayn' t
               might                       might not                         mightn' t
               shall                        shall not                          shalln' t
               should                     should not                       shouldn' t
               ought to                  ought not to                     oughtn' t
               will                          will not                            won' t
               would                      would not                       wouldn' t
               must                        must not                          moustn' t
               have to                    do not have to                 don' t have to
               need                        need not                          needn' t
               dare                        dare not                          daren' t
               had better                had better not                
       ในประโยคคำถามให้นำ modal quxilliaries มาไว้หน้าประโยค
               Will you do it ?
               Can you swim ?
       modal auxiliaries
CAN
       1. ใช้แสดงความสาารถในปัจจุบัน
               I can speak Engish.
       2. ใช้แสดงความเป็นไปได้
               He can help you.
       3. ใช้แสดงการอนุญาติ หรือ ขออนุญาติ
               You can sit here.
               Can I sit here ?
MAY
       1. ใช้แสดงการคาดคะเน
               He may be ill.
       2. ใช้แสดงการอนุญาติ หรือ ขออนุญาติ
               You may have.
MUST
       1. ใช้แสดงความจำเป็นที่ต้องกระทำ
               You must do it.
               You must not do it again.
HAVE TO
       1. ใช้แทน must เมื่อ้องการแสดงการผูกมัด หรือ ความจำเป็นที่จะกระทำ เนื่องจากสถานะการณ์อื่น ๆ ไม่เป็นการบังคับ หรือ เป็นคำสั่ง
               You have to obey your parents.
       2. do not หรือ does not have to = ไม่ต้อง, ไม่จำเป็นต้อง
               You don' t have to stay here.
               Wanchai doesn' t have to leave now
NEED
       มีวิธีใช้ 2 แบบดังนี้
       ก. ใช้เป็นกริยาช่วยอื่น ๆ จะใช้เฉพาะประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถามเท่านั้น ในกรณีนี้ need ใช้ได้กับประธานทุกบุรุษโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง และกริยาที่ตามหลัง need เป็นกริยาช่อง 1 เสมอ
               You needn' t get up early tomorrow.
               Need I goto school tomorrow ?
       ข. ใช้แบบกริยาธรรมดา มีความหมายว่า จำเป็นต้อง เช่นเดียวกัน ในกรณีนี้กริยาจะเปลี่ยนตามพจน์และกาล
( tense ) เหมือนกริยาทั่วไป นอกจากนี้ต้องมี to นำหน้ากริยาที่ตามมาเสมอ
               Bob needs towork today.
               You don' t need to help me.
SHOUlD = ควร, ควรจะ
       He should not be rude.
OUGHT TO = ควร, ควรจะ ความหมายเหมือน should เพียงแต่มี to นำหน้ากริยาที่ตามมา
       We ought to obey the rules.
MIGHT
       ใช้แสดงความเป็นไปได้ของการเกิดเหตุการณ์ ( แต่โอกาสที่เกิดมีน้อยกว่า may )
               I might not go towork tomorrow.
               It might rain tomorrow.
WOULD
       แสดงการขอร้องอย่างสุภาพ
               Would you open the window fr me ?
               Would you like some coffee ?
COULD

Infinitive with/without to


Infinitive with/without to

Infinitives คือ รูปกริยาภาษาอังกฤษ ที่แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ
 
Infinitive with to (กริยาช่องที่ 1 ที่ต้องมี to นำหน้า)
Infinitive without to (กริยาช่องที่ 1 ที่ไม่จำเป็นต้องมี to นำหน้า)
 
 

ตำแหน่งของ Infinitive with to ในประโยคต่างๆ

1. ใช้ทำหน้าที่เป็นคำนามซึ่งเป็นประธานของประโยค โดยมีความหมายว่า “การ” หรือ “ความ”
To be a millionaire is my goal. (การได้เป็นเศรษฐีเป็นเป้าหมายของฉัน)
 
2. ใช้ตามหลังคำนาม หรือ สรรพนาม โดยทำหน้าที่คล้ายกับ Adjective ขยาย คำนาม หรือ สรรพนามนั้นๆ
 
I told him about the plan to surprise her. (ฉันบอกเขาเกี่ยวกับแผนการที่จะทำให้เธอประหลาดใจ)
I have something to tell you. (ฉันมีบางอย่างจะบอกคุณ)
 
3. ใช้ตามหลัง Main verb (กริยาแท้) โดยทำหน้าที่คล้ายกรรมของประโยค
 
I want to see him. (ฉันต้องการจะเจอเขา
 
4. ใช้ตามหลัง Adjective บางตัว โดยทำหน้าที่คล้ายกับ Adverb
 
I’m happy to meet you again. (ฉันรู้สึกมีความสุขที่ได้พบกับคุณอีกครั้ง
 
5. ใช้ตามหลัง who, what, where, when, why, how และ whether
 
I wonder why we don’t have money. (ฉันสงสัยว่าเงินเราหมดได้อย่างไร)
Please tell me where to go. (ช่วยบอกฉันทีว่าจะไปไหน)
รูปแบบต่างๆของ Infinitive with to

Simple Infinitive (to + V.1) เช่น to go, to buy

Perfect Infinitive (to + have + V.3) เช่น to have seen, to have been

Passive Infinitive (to + be + V.3) เช่น to be written, to be taught

Perfect Passive Infinitive (to + have + been + V.3) เช่น to have been slept, to have been watched
หลักการใช้ Infinitive with to
 
1. เรามักใช้ Infinitive with to หลังกริยาเหล่านี้
 
accept (ยอมรับ)
hope (หวัง)
allow (อนุญาต)
intend (ตั้งใจ)
afford (สามารถที่จะ)
learn (เรียน)
agree (ตกลง, ยินยอม)
lead (นำ,ชักจูง)
appear (ปรากฏ)
manage (จัดการ)
arrange (เตรียมการ)
mean (ตั้งใจ)
ask (ถาม)
offer (เสนอ,ให้)
attempt (พยายาม)
order (สั่ง)
care (เป็นห่วง,ดูแล)
plan (วางแผน)
choose (เลือก)
persuade (ชักชวน)
claim (อ้าง)
prepare (เตรียม)
cause (ทำให้เกิด)
pretend (เสแสร้ง)
challenge (ท้าทาย)
promise (สัญญา)
command (สั่งการ)
refuse (ปฏิเสธ)
decide (ตัดสินใจ)
remind (เตือน)
demand (ต้องการ)
seem (ดูท่าทาง)
deserve (ควรค่า)
swear (สาบาน)
encourage (ส่งเสริม)
teach (สอน)
except (ยกเว้น)
tell (บอก)
hope (หวัง)
tend (ค่อนข้าง,มีแนวโน้ม)
fail (ล้มเหลว)
threaten (คุกคาม)
force (บังคับ)
urge (กระตุ้น)
learn (เรียน)
vow (สาบาน,รับปาก)
get (ได้)
warn (เตือน)
instruct (สั่งสอน)
want (ต้องการ)
invite (เชิญชวน)
wish (ปรารถนา)
happen (เกิดขึ้น)
yearn (หวนหา)
hesitate (ลังเล)

 
2. รูป negative infinitive สร้างขึ้นโดยการเติม not ข้างหน้า to ซึ่งเป็น not to + V1 เช่น
 
Try not to be late.
I decided not to become an electrician.
 
3. คำว่า ought และ used ต้องตามด้วย Infinitive with to
 
You ought to do your homework by yourself.
I used to play cricket 5years ago.
 
4. ใช้ be to + V1 หรือ have to + V1 เมื่อต้องการเน้น หรือเป็นการออกคำสั่ง คำขอร้อง เช่น
 
I am to go now (be + to + V1 = ต้อง)
You have to be in my office by ten thirty.
หลักการใช้ Infinitive without to

1. ใช้ตามหลัง Modal Auxiliary Verbs เช่น will, shall, would, should, can, could
may, might, must และอื่นๆ ซึ่งจะต้องเป็นกริยาช่องที่ 1 เท่านั้น
 
She must love him very much. (เธอต้องรักเขามากๆแน่เลย)
would buy it if I had money. (ฉันคงจะซื้อมันไปแล้ว ถ้าฉันมีเงิน)
 
2. ใช้หลัง had better, would rather, would sooner, rather than, but, and, or, except
 
You’d better go to the hospital. (เธอควรจะไปโรงพยาบาลนะ)
I went to the school and talked to my teacher. (ฉันไปโรงเรียนและคุยดับคุณครู)
 
3. ใช้หลัง please, help, let, make, see, hear, feel, watch, notice
 
I don’t feel confident when I speak English. (ฉันรู้สึกไม่มั่นใจเลยในเวลาที่ฉันพูดภาษาอังกฤษ)